Data-Driven Marketing เปลี่ยนข้อมูลธรรมดาให้กลายเป็นอาวุธลับของนักการตลาดนอกลู่
- puwanat chaowanno
- Sep 25, 2024
- 1 min read
Updated: Dec 11, 2024

ถ้าคุณเป็นนักการตลาดเจ้าของธุรกิจ คงเคยได้ยินคำว่า “Data-Driven Marketing” กันจนเบื่อใช่ไหม? แต่เดี๋ยวก่อน! การเป็นนักการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลไม่ได้หมายถึงแค่การนั่งกดรีเฟรช Dashboard ดูตัวเลขสวย ๆ ทุกวัน มันเกี่ยวกับอะไรที่ลึกซึ้งและแปลกใหม่กว่านั้น
ซึ่งวันนี้ผมอยากจะชวนคุณมาดู "เคล็ดลับการตลาดนอกลู่" จากประสบการณ์ตรง ว่าทำไมข้อมูลที่ดูเหมือนจะธรรมดาถึงกลายเป็นอาวุธลับในการทำธุรกิจได้
Data-Driven Marketing ทำไมถึงน่าสนใจ?
Data-Driven Marketing ไม่ได้หมายถึงแค่การมีข้อมูลเยอะ ๆ หรือการใช้ซอฟต์แวร์แพง ๆ มาช่วยวิเคราะห์ มันคือการเอาข้อมูลที่เรามีมาใช้ให้คุ้ม และช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างถูกต้องในทุกจุดของธุรกิจ ตั้งแต่การรู้จักลูกค้าไปจนถึงการวัดผลแคมเปญโฆษณา
จาก Excel ธรรมดา สู่ข้อมูลที่มีค่า
ถ้าคุณคิดว่าการทำ Data-Driven Marketing ต้องเริ่มจากการมีเครื่องมือสุดไฮเทคและทีม Data Analyst ระดับมืออาชีพ ขอบอกว่าคิดผิดครับ เพราะจุดเริ่มต้นของผมมันธรรมดามาก... เราเริ่มจากการให้ทีมคอลเซ็นเตอร์เก็บข้อมูลทุกอย่างแบบ "นับมือ" แล้วบันทึกลง Excel
ใช่ครับ ฟังไม่ผิด เราเริ่มจาก Excel ที่ดูเชย ๆ นี่แหละ เราให้เจ้าหน้าที่เก็บข้อมูล เช่น จำนวนผู้โทรเข้ามา นัดสำเร็จ ไม่สำเร็จ หรือยกเลิก และสรุปรายงานทุกสัปดาห์ด้วยการกรอกข้อมูลลงไปในไฟล์ Excel นี้ล่ะครับเป็นจุดเริ่มต้นของการวิเคราะห์การตลาดที่เปลี่ยนทั้งทีม
ตอนนั้นเราพบว่าอัตราส่วนของการนัดหมายสำเร็จอยู่ที่ 4 : 1 ซึ่งไม่ค่อยน่าพอใจเท่าไหร่ เราจึงเริ่มนำ "Dialog" หรือบทสนทนาที่ถูกสร้างขึ้นมาให้ทีมใช้กันเป็นมาตรฐาน และยังสร้าง FAQ ให้พนักงานเข้าใจสินค้าและบริการมากขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้เหรอครับ? อัตรานัดหมายสำเร็จลดลงมาอยู่ที่ 2-2.5 : 1 เท่านั้นเอง! ถือว่าดีขึ้นอย่างมาก
จากนั้นพอเรามีข้อมูลมากขึ้น เราเริ่มขยายการเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งอัตราความพึงพอใจของลูกค้า และการสอบถามถึงช่องทางที่พวกเขารู้จักเรา เช่น TV, Radio, Facebook, Google, YouTube หรือ TikTok ทุกอย่างถูกเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ด้วยวิธีที่ผมขอเรียกว่า "บ้าน ๆ แต่ได้ผล"
Data ที่ชี้ชัด อาวุธลับของนักการตลาดนอกลู่
การมีข้อมูลช่วยให้เรามองเห็นเทรนด์และปัญหาต่าง ๆ ได้ชัดขึ้น หลายคนอาจบอกว่าข้อมูลมันก็แค่ตัวเลข แต่จริง ๆ แล้วมันเป็น "เข็มทิศ" ที่ชี้ทางให้เราเห็นว่าควรแก้ไขหรือปรับปรุงตรงไหน
ยกตัวอย่างอีกกรณีหนึ่ง เราพบว่ามีบางแคมเปญโฆษณาที่ปล่อยผ่านแพลตฟอร์มที่เราใช้ซื้อโฆษณา ต่างใช้เงินเราไปจนหมดตามงบที่ตั้งไว้ แต่ลูกค้าที่หน้างานกลับไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย... อ้าว! แล้วทีนี้จะทำยังไงดี? ถ้าเราไม่มีข้อมูลที่เราเก็บไว้อย่างเป็นระบบ เราก็คงไม่รู้ว่าปัญหามันอยู่ที่ไหน แล้วแก้ไขไม่ได้ แต่พอเรามีข้อมูล เราสามารถปรับแผนและตัดสินใจใหม่เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่คุ้มค่ามากขึ้นครับ
เริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ ก่อนพัฒนาให้ใหญ่ขึ้น
ประสบการณ์จากการทำงานที่เน้นการใช้ข้อมูลทำให้ผมเห็นว่า การทำ Data-Driven Marketing นั้นไม่จำเป็นต้องมีงบประมาณมหาศาลหรือระบบที่ซับซ้อนเสมอไป การเริ่มต้นจากการเก็บข้อมูลแบบง่าย ๆ ด้วย Excel ก็สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ได้
เมื่อเวลาผ่านไปและเราเก็บข้อมูลมากพอ เราก็ค่อย ๆ พัฒนาระบบขึ้น จนในที่สุดเราก็สามารถสร้าง Dashboard แบบเรียลไทม์ขึ้นมาได้ การเก็บข้อมูลทุกจุดที่เชื่อมโยงกันตั้งแต่ช่องทางออนไลน์ไปยังออฟไลน์ทำให้เราสามารถติดตามและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
ข้อมูลคือเข็มทิศ นำคุณไปสู่ความสำเร็จ
การเป็นนักการตลาดนอกลู่ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven) นั้น คือการมองหาความเชื่อมโยงจากสิ่งที่คนอื่นอาจมองข้าม ไม่ว่าคุณจะมีข้อมูลแค่ไหน หรือเครื่องมืออะไรก็แล้วแต่ สิ่งสำคัญคือคุณต้องใช้มันให้เกิดประโยชน์ให้ได้
“ข้อมูลคือกระจกเงาที่สะท้อนให้เราเห็นปัญหา และเป็นเข็มทิศที่นำทางเราไปสู่การแก้ไขที่ถูกต้อง”
Data ที่คุณมีอยู่ตอนนี้ มันอาจจะยังไม่สมบูรณ์หรือไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่ แต่ถ้าคุณเริ่มลงมือใช้มัน คุณจะพบว่าข้อมูลนี่แหละคืออาวุธลับที่สามารถพาธุรกิจของคุณไปสู่ความสำเร็จได้ในแบบที่คุณไม่เคยคิดมาก่อน!
Kommentare